หนังสือ 2 เล่มนี้ สำหรับผมคือกัลยาณมิตร 2 คน
Who do we choose to be? “คุณเลือกเอาว่าจะเป็นใคร”?
เป็นการกระตุ้นท้าทายการภาวนาลุ่มลึกของการค้นหา meaning of life (ความหมายของชีวิต) ของวิคเตอร์ แฟรงเกิล Viktor Frankl อันจะนำไปสู่การเข้าถึงศักยภาพสูงสุดในตนเอง (self actualization) ตามทฤษฎีสามเหลี่ยมลำดับความต้องการของมาสโลว์ (Maslow’s Hierarchy of Needs)
ส่วนเล่มที่เป็น the Tao of Powerในเล่มเกริ่นเรื่องตัวเราต้องเป็น Evolving Force เป็นการเอา เต๋ามาใช้กับชีวิต 4 มิติ 4 ระดับนั่นเอง
ดังนั้นความเป็น มนุษย์ที่เราเลือก คือ การเดินทางเผชิญหน้ากับความท้าทายกับ VUCA and BANI World ขณะเดียวกับเดินทางพัฒนาภายใน หลายคนเรียกว่า IDG ( Inner Development Goal) นั่นเอง
พระกฤษณะสอนอรชุนว่า Who Do You Choose to Be?
Small Self…
หรือจะเลือก..
Higher Self, Bigger Self อันเป็นหนึ่งเดียวกับพระนารายณ์ กับพระเจ้า เป็น Timeless Leader
เราเห็น 3 วัฒนธรรม 3 ประเพณี เรื่องเล่าและตีความ .. แต่มุ่งไปที่เรื่องเดียวกัน
“เรียนรู้ ภาวนา(เจริญภายใน/ภายนอก) เพื่อมีศักยภาพทางปัญญาและรับใช้แผ่นดิน รับใช้โลก”
“สิ่งที่คุณคิดเป็นเรื่องของคุณ แต่สิ่งที่คุณทำมันเป็นกรรมต่อโลก” คุรุสตรีท่านหนึ่งแห่ง วิทยาลัยพราหมณ์กุมารี กล่าว
ผมจำขึ้นใจ
ดังในหนังสือสิทธารถะของ Hermann Hesse ที่ตัวเอก คือ สิทธารถะได้ ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าคิดว่าที่พระองค์ตรัสสอนนั้นถูกต้องหมด แต่มันไม่ใช่สไตล์ของเขา จริตของเขาในการฝึก
ครั้นได้พบ วาสุเทพ คนแจวเรือข้ามแม่น้ำ สอนให้เขาฟังเสียงน้ำ
ก็เลยขอปวราณาตัวเป็นศิษย์คนแจวเรือจ้าง ..
ทางใคร ก็ทางมัน เลือกเอาเอง ด้วยการฟังเสียงภายในตน อย่าไปฟังคนอื่น…
แต่ที่แน่ๆ สำหรับผม “ผู้นำที่แท้” authentic leadership มากกว่า” ผู้นำสี่ทิศแน่ๆ“
จักรวาลมันมีทิศมีทางนับไม่ถ้วน infinity
เราจำได้ อรชุน เมื่อเข้าสู่สงครามต้องรบกับตระกูล เการพ อันเป็นญาติสนิท มีปู่และครู “หมดแรง คันธนูตกลงพื้น ” ทำให้พระกฤษณะ สารถี ต้อง dialogue ยาว เป็น“ภควัตคีตา ”ให้ อรชุน ทิ้งอัตตา
identity ของ small self แต่มี new identity เป็น Higher and Bigger Self คือ บูรณาการเป็นหนึ่งเดียวกับพระนารายณ์
ขณะพี่ชายคนโต “ยุธิษฐิระ” มีบุคลิกและเอกลักษณ์ต่างไปจาก อรชุน และเป็นคนใจดีด้วย
พี่น้องท้องเดียวกันยังมีบุคลิกความเป็นผู้นำต่างกัน อาจจะมาจากกรรมอันเป็น“พลังงานส่งมา”แห่งภพชาติในอดีตก็ได้ …
ตามหลักวิทยาศาสตร์ พลังงานไม่สูญหายในโลก เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยน form
มานั่งใคร่ครวญ ดู จิตปัญญาศึกษา มีประโยชน์สำหรับชีวิต ทั้งศิษย์และครู เพราะ (คนทำงานภาคประชาสังคม)
ทุกคนถูก “ระเบิดแห่งความเครียด ความคาดหวัง และ KPI ถล่มใส่จาก “ผู้นำในสถาบันในองค์กรทุกแห่ง ไม่มีเว้น”
จิตปัญญาจึงเป็น “โอสถทิพย์“ สำหรับทุกคน แต่ต้องกินยาชุดนี้ให้เป็น
เพราะกินยาผิด กินไม่ถูกเวลา เลยไม่หาย มิหนำซ้ำ “เกิดเชื้อดื้อยา” อีก
เพราะ กินผิดๆถูกๆ เชื่อหมอผิดคน
บันทึกของอาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ : 9 กันยายน 2567