admin

กระบวนการปั้นแต่งอนาคต (Scenario Technique)

Scenario Technique เป็นกระบวนการในการกำหนดแผนการจัดการกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเกิดจากการร่วมสร้างของฝ่ายต่างๆ เป็นทางเลือกที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่ทางเลือกในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด (Worst Case) สถานการณ์ปกติ (Normal Case) จนถึงสถานการณ์ที่ดีที่สุด (Best Case) ซึ่งสามารถครอบคลุมสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเอาไว้ได้ ดังนั้นไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร เราก็มีแผนการที่จะจัดการกับมันเสมอ ซึ่งต่างไปจากการที่เรามีแผนๆ เดียว เพราะหากสถานการณ์ในอนาคตเปลี่ยนไปโดยที่เราคาดไม่ถึง เราจะไม่สามารถจัดการความเปลี่ยนแปลงที่เกิดอย่างไม่คาดฝันนั้นได้ดีหรือทำได้แค่เพียงตั้งรับสถานการณ์เท่านั้น เทคนิคดังกล่าวเริ่มจากการสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน ปัจจุบัน น่าจะเป็นสัญญาณที่จะส่งผลให้เกิดอะไรขึ้นในอนาคต โดยทำการค้นหาความเป็นไปได้ต่างๆ บนพื้นฐานที่ว่า หายนะมักมาคู่กับโอกาสเสมอ ถ้าเราเห็นความเป็นไปได้หลายทาง (มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้) เราก็สามารถกำหนดทางเลือกที่จะจัดการกับปัญหานั้นๆ ได้มากขึ้น การจะกำหนดทางเลือกดังกล่าว จำเป็นที่จะต้องหาและคัดเลือกตัวแปร ที่มีอิทธิพล ที่จะส่งผลถึงอนาคต (ตัวแปรหลัก) ทั้งด้านบวกและด้านลบ และตัวแปร ที่คาดไม่ถึง (แต่สามารถจัดการได้) จากนั้นจึงทำการคัดเลือกหนทางที่เป็นไปได้มากที่สุด แล้วทำการเขียนแผนการอย่างคร่าวๆ ขั้นตอนการทำ Scenario 1) วิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน ที่เกิดขึ้นกับองค์กรของเรา สังคมไทย และสังคมโลกในทุกๆ ด้าน 2) คัดเลือกตัวแปรหลักที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคต (Predictable Variables) […]

กระบวนการปั้นแต่งอนาคต (Scenario Technique) Read More »

กระบวนการปั้นแต่งอนาคตสังคมไทย Quo Vadis Thailand? : เมืองไทยจะไปทางไหน?

Scenario Planning : The Series EP:2  โดย Christian Birkholz (ธันวาคม 2541)( บทนำในหนังสือ “ปั้นแต่งอนาคตสังคมไทย” จัดพิมพ์โดย สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม,2542 โดย Christian Birkholz อาจารย์ชาวเยอรมัน วิทยากรกระบวนการ  Scenario for the Great Transformation of Thai Society เมื่อ 10-13 ธันวาคม 2541 อ.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี) กระบวนการปั้นแต่งอนาคต (Scenario Technique) คืออะไร กระบวนการปั้นแต่งอนาคต หรือ Scenario Technique เป็นเรื่องของการพัฒนาความคิดและจิตใจในกระบวนการสร้างอนาคต ท่ามกลางการปรับตัวและการเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่งของสังคมโลกในปัจจุบัน คำถามก็คือ เราจะเอาชนะการเปลี่ยนแปลงสังคมในโลกนี้ได้อย่างไร ? Scenario Technique นั้นต่างจากนิยายวิทยาศาสตร์ (Science Fiction) เพราะนิยายวิทยาศาสตร์นั้นเต็มไปด้วย จินตนาการและความพิศวง (Fantasy)

กระบวนการปั้นแต่งอนาคตสังคมไทย Quo Vadis Thailand? : เมืองไทยจะไปทางไหน? Read More »

ทำไมต้องฝึก Scenario Planning : และกระบวนการปั้นแต่งอนาคตสังคมไทยหลังฟองสบู่แตก 

Scenario Planning : The Series EP:1   ( เรียบเรียงจาก คำปรารภโดย อ.ชัยวัฒน์  ถิระพันธุ์  ในหนังสือ “ปั้นแต่งอนาคตสังคมไทย” จัดพิมพ์โดย สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม, 2542 )  (เวที Scenario for the Great Transformation of Thai Society  “Quo Vadis Thailand” การมุ่งมั่น ปั้นแต่งอนาคต จัดขึ้นเมื่อ 10-13 ธันวาคม 2541 อ.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี  วิทยากรกระบวนการ Christian Birkholz อาจารย์ชาวเยอรมัน และ อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ สนับสนุนโดย มูลนิธิ Friedrich Naumann)     เมื่อปลายปี พ.ศ. 2540 หลังจาก “ฟองสบู่แตก” ได้ไม่กี่เดือนผมได้พบกับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง

ทำไมต้องฝึก Scenario Planning : และกระบวนการปั้นแต่งอนาคตสังคมไทยหลังฟองสบู่แตก  Read More »

ประชาคม “กอบบ้าน กู้เมือง” สร้างองค์ความรู้และจิตสำนึกใหม่ของพลเมือง

  ความเคลื่อนไหวของประชาคม “กอบบ้าน กู้เมือง” เกิดขึ้นหลังวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง 2540 ที่ทำให้ประเทศไทยต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาท และกู้เงินจำนวนมากจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อพยุงเศรษฐกิจและดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เข้มงวด เช่น การขึ้นดอกเบี้ย, การปิดสถาบันการเงิน, การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นวิกฤตด้านเศรษฐกิจที่สร้างความเสียหายและกระทบไปถึงประชาชนทั้งประเทศ  ภาพบนเวที : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, ไพโรจน์ เพชรคง, นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ,โสภณ สุภาพงษ์ ,กิตติ สิงหาปัด   วิกฤตนี้เป็นผลพวงจากการเดินบนเส้นทางของเศรษฐกิจฟองสบู่ แล้วเมื่อเกิดวิกฤตก็ยังมีการเรียกร้องให้เดินบนเส้นทางเดิมที่ทำให้เศรษฐกิจฟองสบู่กลับมา ทำให้ปัญหาหมุนวนไปที่เดิมและอาจจะเลวร้ายกว่าเดิม หรืออาจจะสร้างหายนะมากกว่าการสูญเสียรายได้ที่เป็นเงิน  การเคลื่อนไหวของประชาคม กอบบ้าน กู้เมือง จึงเป็นการร่วมกันของคนหลากหลายกลุ่ม หลากหลายอาชีพ ที่มีภูมิปัญญาการแก้ปัญหา มีประสบการณ์ที่สร้างความเข้มแข็งให้กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน เอาตัวรอดได้แบบที่ไม่พังครืนลงมา มีความเข้มแข็งพอที่จะก่อรูปกันเป็นขบวนการของประชาชนที่มีความคิดพึ่งตนเอง จึงต้องมีการรวมกันเป็นขบวนการของ “ประชาคม”  ภาพบนเวที : แก้วสรร อติโพธิ , รังสรรค์ ธนะพรพันธ์ , ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ ชัยวัฒน์ สถาอานันท์, เอกวิทย์

ประชาคม “กอบบ้าน กู้เมือง” สร้างองค์ความรู้และจิตสำนึกใหม่ของพลเมือง Read More »

ข่ายการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม (Civicnet)   การเชื่อมโยงของหน่ออ่อนประชาสังคม ในพัฒนาการปฏิรูปสังคมไทย

นับจากสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงพฤษภาทมิฬ 2535 ที่เป็นวิกฤตการณ์ทางด้านการเมืองและประชาธิปไตยที่เข้าสู่ทางตัน รวมไปถึงปัญหาด้านต่างๆ ที่ต้องหาทางไปต่อให้ได้ ทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สุขภาพ กฎหมายและความยุติธรรม ฯลฯ  ปัญหาที่ถาโถมในทุกด้านแสดงผลออกมาในช่วงระยะเวลาที่ต่างกันออกไปซึ่งมีทั้งด้านดีและไม่ดี กล่าวคือ ทางด้านเศรษฐกิจก็วิกฤติไปจนขั้นเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตก หรือที่เรียกว่า วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540  และในอีกด้านก็มีกระแสการปฏิรูปการเมืองและประชาธิปไตย ที่นำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับแรกและฉบับเดียวของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2540  ส่งผลถึงการปฏิรูปด้านต่างๆ มากมาย ทั้งด้านการศึกษา ระบบสุขภาพ สังคม การเมือง สื่อ กระบวนการยุติธรรม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ อีกทั้งในแต่ละด้านก็มีพัฒนาการในการปฏิรูปของตัวเองเรื่อยมา  แนวทางการพัฒนาในขณะนั้น เน้นให้ “คน” เป็นศูนย์กลางการพัฒนา และผลักดันในเรื่องของ “การมีส่วนร่วม” ของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามากำหนดอนาคตในแต่ละด้านของตนเอง ดังนั้น กระบวนการที่จะให้ความสำคัญกับคนทุกคนและสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก  แนวคิดเรื่อง  “ประชาสังคม” จึงถูกหยิบยกมากล่าวถึงทั้งในเชิงวิชาการและในงานพัฒนา ที่มีการปฏิบัติการของกลุ่มคนพลเมืองที่ตื่นตัวและเข้าไปจัดการกับประเด็นสาธารณะต่างๆ ในสังคม มีการริเริ่มกันเอง โดยไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่เกิดจากรัฐหรือทุน ด้วยความเข้าใจในแนวคิดแบบไม่ซับซ้อนว่าเป็นการ “ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมแก้ปัญหา” 

ข่ายการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม (Civicnet)   การเชื่อมโยงของหน่ออ่อนประชาสังคม ในพัฒนาการปฏิรูปสังคมไทย Read More »

จากการเมืองเรื่องระบบกลไกรัฐ สู่การเริ่มต้นด้วยตัวเอง “ไม่มีการเสียใจที่ไม่ได้ทำ”

เส้นทางการใช้พลังความเป็นมนุษย์ของเราเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง บทสนทนาระหว่าง คุณสุภาพ สิริบรรสพ กับ อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์   เนื่องในวาระ 80 ปี ของอาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธุ์  สิ่งที่ลูกศิษย์อยากได้รับเป็นมรดกทางปัญญา การมีโอกาสได้เจอและสนทนากับอาจารย์ สิ่งที่อยากแลกเปลี่ยน ตั้งคำถามหรือการค้นหาคำตอบที่จะเป็นแนวทางหรือการสนับสนุนการใช้ชีวิตและการทำงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต      พี่หน่อง – สุภาพ สิริบรรสพ หนึ่งในลูกศิษย์ที่ขับเคลื่อนการทำงานภาคประชาสังคมในจังหวัดน่าน ได้ตั้งคำถามถึงแนวทางการทำงานเพื่อสังคมที่มีประสิทธิภาพท่ามกลางสถานการณ์ความปั่นป่วนของบ้านเมือง    อาจารย์ชัยวัฒน์ ได้ให้แนวทางให้กับมาใคร่ครวญทบทวน เริ่มต้นที่ “ตัวเอง” เชื่อมั่นในพลังของมนุษย์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ในพื้นที่เล็กๆ จากครอบครัว ชุมชน และการร่วมมือกันทำของกลุ่มคนเล็กๆ การเป็นผู้นำที่มีธรรมะและเป็นการนำร่วม ต้องเข้าใจและเรียนรู้จากระบบนิเวศน์ ระบบที่มีชีวิต เพราะการทำงานที่ใช้ระบบกลไก ระบบแบบราชการ ที่ทำไปตามตัวชี้วัด ไม่สามารถแก้ปัญหา หรือจัดการสังคมที่ซับซ้อนได้ การสนทนาระหว่าง อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ กับ พี่หน่อง-สุภาพ สิริบรรสพ เริ่มต้นจากการสะท้อนภาพของสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ทั้งที่เป็นภาพใหญ่ที่มีทั้งวิกฤติการเมือง วิกฤติทางสังคมและสุขภาพ และการบอกเล่าเรื่องราวในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมไปถึงการทำงานของภาคประชาสังคมในพื้นที่ ความเป็นห่วงหรือความกังวลของคนทำงานในพื้นที่

จากการเมืองเรื่องระบบกลไกรัฐ สู่การเริ่มต้นด้วยตัวเอง “ไม่มีการเสียใจที่ไม่ได้ทำ” Read More »

บางกอกฟอรั่ม

“บางกอกฟอรั่ม” ก่อตัวขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ มีเป้าหมาย ร่วมกันผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาเมืองที่นับวันทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเปิดเป็นเวทีทางความคิด ระดมสมองเพื่อกระตุ้นให้คนกรุงเทพฯ หรือผู้ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากขึ้น พร้อมไปกับการผลักดันภาครัฐ โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นเช่นกรุงเทพมหานคร ให้ยอมรับบทบาทของปัจเจกชนและชุมชนในการกำหนดนโยบายสาธารณะต่างๆ

บางกอกฟอรั่ม Read More »

สังคมสารสนเทศ

ผู้คนจำนวนไม่น้อย พอนึกถึงภาพของสังคมสารสนเทศก็จะเห็นภาพของเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ ไมโครชิพ โทรศัพท์มือถือ เครื่องรับส่งเอกสาร และเครื่องควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อีกสารพัด ภาพที่เห็นดังกล่าวเป็นเพียงบางส่วนของสังคมสารสนเทศเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง สังคมสารสนเทศเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม อย่างเช่นการก่อตัวหรือจัดตั้งสถาบันและองค์กร  รวมถึงความคิดและจิตใจของผู้คนในสังคมด้วย   นับตั้งแต่คลื่นคอนดราทีฟลูกที่หนึ่งถึงลูกที่สี่ ทิศทางการเปลี่ยนแปลงของสังคมอุตสาหกรรมคือการมุ่งค้นหาวัตถุดิบเพื่อนำมาแปรรูป สร้างสายพานลำเลียง ถนนหนทาง และเส้นทางการไหลลื่นของพลังงานให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด การค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสังคมอุตสาหกรรมจะวางจุดเน้นหนักที่การผลิตเครื่องจักรเครื่องมือ ตลอดจนให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการผลิตสินค้าทั้งวัตถุและวัสดุภัณฑ์ ส่วนสังคมสารสนเทศเป็นสังคมที่เน้นการค้นหาและนำสิ่งที่ปรากฏเชิงสารสนเทศมาใช้ให้เกิดประสิทธิผล เช่น ข่าวสารข้อมูล ถ้อยคำภาษา แฟ้มภาพ ดนตรี ความรู้ ความคิด ความสัมพันธ์ และยุทธศาสตร์ หากลองเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสังคมอุตสาหกรรมและสังคมสารสนเทศ จะเห็นภาพวิวัฒนาการของสังคมทั้งสองแตกต่างกัน  สังคมอุตสาหกรรมวางเข็มทิศไปที่การพัฒนาโครงสร้างการขนถ่ายสินค้า การลำเลียงวัตถุดิบและพลังงานให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด เช่น โรงงานถลุงเหล็กต้องสร้างอู่ไว้ใกล้ๆ กับแหล่งพลังงาน (ถ่านหิน) เพื่อให้การขนส่งวัตถุดิบมีระยะทางที่สั้นที่สุด โรงงานเคมีตั้งอยู่ริมแม่น้ำเพื่อลดต้นทุนให้ต่ำ ในสังคมสารสนเทศ คุณลักษณะดังกล่าวไม่มีความหมายอีกต่อไป ด้วยธุรกิจสารสนเทศไม่สนใจเส้นทางการขนส่งวัตถุดิบและพลังงาน แต่สนใจ “ความใกล้ชิด” กับลูกค้าทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก ทั้งนี้ เพื่อรักษาความสัมพันธ์หรือการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลให้กระชับแน่นแฟ้นที่สุด ดังนั้น ปัจจัยชี้ขาดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมจึงอยู่ที่ความสามารถในการจัดการสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์  คุณสมบัติสำคัญที่จะขาดเสียมิได้คือ ความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา ความสามารถในการคิดเชิงระบบ และความสามารถในการสื่อสาร

สังคมสารสนเทศ Read More »

“เดวิด” ศิลปะกับวิญญาณแห่งยุคสมัย

(1) จุดเริ่มต้นของยุคแสงสว่างแห่งปัญญา ขณะที่มองดูประติมากรรม เดวิด ผมก็นึกถึงบริบททางสังคมที่ก่อกำเนิดประติมากรรมชิ้นเอกนี้ แล้วเกิดคำถามว่า ไมเคิล แองเจโล ต้องการสื่ออะไรผ่านรูปสลักเดวิด ? ผมไปเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลีอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งผมจะแวะไปยืนดูรูปสลัก David จำลอง (แต่เหมือนตัวจริงที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์มากๆ) อันเป็นผลงานของไมเคิล แองเจโล อัครศิลปินยุคเรอเนสซองส์ (Renaissance) ร่วมสมัยกับดาร์วินชี่ ผู้วาดภาพโมนาลิซ่า และ มาเคียเวลลี่ ผู้ประพันธ์ The Prince ที่เป็นปรัชญาและวิถี การเมืองแบบอำนาจสุดๆ ขณะที่มองดูประติมากรรมเดวิด ผมก็นึกถึงบริบททางสังคมที่ก่อกำเนิดประติมากรรมชิ้นเอกนี้ แล้วเกิดคำถามว่า ไมเคิล แองเจโล ต้องการสื่ออะไรผ่านรูปสลักเดวิด? เมืองฟลอเรนซ์เป็นจุดเริ่มต้นของยุคเรอเนสซองส์ (Renaissance) หรือที่นักวิชาการไทยแปลว่า ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (ค.ศ.1450-1600 ตรงกับช่วงสมัยอยุธยาตอนกลาง ราว พ.ศ. 1993-2093) เป็นยุคสมัยแห่งการบุกเบิกความรู้และความเจริญรุ่งเรืองด้านวัฒนธรรม  เป็นยุคแห่งการค้นพบโลกใหม่  อย่างที่โคลัมบัส เดินทางไปพบทวีปอเมริกาหรือ วาสโก้ เดอกามา แล่นเรืออ้อมแหลมกู้ดโฮป ทวีปแอฟริกา เพื่อบุกเบิกเส้นทางการค้าเครื่องเทศและสินค้าจากเอเชีย ก่อนหน้ายุคศิลปวิทยาการ เป็นยุคที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า

“เดวิด” ศิลปะกับวิญญาณแห่งยุคสมัย Read More »

"เบโธเฟน ผู้อภิวัฒน์ที่ไม่ย่อท้อ” (Beethoven : The Relentless Revolutionary)

“เบโธเฟน ผู้อภิวัฒน์ที่ไม่ย่อท้อ” (Beethoven : The Relentless Revolutionary)

ผมเพิ่งได้หนังสือเล่มใหม่ “เบโธเฟน ผู้อภิวัฒน์ที่ไม่ย่อท้อ” (Beethoven : The Relentless Revolutionary by John Clubbe) ตนเองเป็นคนชอบฟังเพลงของเบโธเฟน มากกว่านักประพันธ์เพลงคนอื่นใด โดยเฉพาะเพลงซิมโฟนี่หมายเลข 5  ผมชอบที่สุดฟังไม่เคยเบื่อ  บางครั้งก็เอาบางท่อนของเพลงยาวราว  7-8  นาที  มาเปิดให้ฟัง ตอนเช้าในกระบวนการ  เช็คอินในฝึกอบรม  เสียงกระแทกกระทั้นของเปียโน   “โชคชะตากำลังมาเคาะประตูบ้าน เราแล้ว”… แท่น แท่น แท้น แท้น… เบโธเฟน เกิดเดือนธันวาคม ค.ศ. 1770 ขณะที่นโปเลียน โบนาปาร์ต เกิด เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1769 อ่อน กว่า1ปี  ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นราวคราวเดียวกัน ชีวิตผู้เขย่าโลกทั้งสองคนนี้ ได้ลืมตาดูโลกหลังการก่อกำเนิด ยุค Renaissance หรือ ยุคศิลปวิทยาการ 200 ปี. สายใยวิถีคิดของนักปรัชญา กระแส การเมือง สังคม

“เบโธเฟน ผู้อภิวัฒน์ที่ไม่ย่อท้อ” (Beethoven : The Relentless Revolutionary) Read More »