civicnet foundation

ทำไมต้องฝึก Scenario Planning : และกระบวนการปั้นแต่งอนาคตสังคมไทยหลังฟองสบู่แตก 

Scenario Planning : The Series EP:1   ( เรียบเรียงจาก คำปรารภโดย อ.ชัยวัฒน์  ถิระพันธุ์  ในหนังสือ “ปั้นแต่งอนาคตสังคมไทย” จัดพิมพ์โดย สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม, 2542 )  (เวที Scenario for the Great Transformation of Thai Society  “Quo Vadis Thailand” การมุ่งมั่น ปั้นแต่งอนาคต จัดขึ้นเมื่อ 10-13 ธันวาคม 2541 อ.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี  วิทยากรกระบวนการ Christian Birkholz อาจารย์ชาวเยอรมัน และ อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ สนับสนุนโดย มูลนิธิ Friedrich Naumann)     เมื่อปลายปี พ.ศ. 2540 หลังจาก “ฟองสบู่แตก” ได้ไม่กี่เดือนผมได้พบกับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง […]

ทำไมต้องฝึก Scenario Planning : และกระบวนการปั้นแต่งอนาคตสังคมไทยหลังฟองสบู่แตก  Read More »

ประชาคม “กอบบ้าน กู้เมือง” สร้างองค์ความรู้และจิตสำนึกใหม่ของพลเมือง

  ความเคลื่อนไหวของประชาคม “กอบบ้าน กู้เมือง” เกิดขึ้นหลังวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง 2540 ที่ทำให้ประเทศไทยต้องประกาศลอยตัวค่าเงินบาท และกู้เงินจำนวนมากจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อพยุงเศรษฐกิจและดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เข้มงวด เช่น การขึ้นดอกเบี้ย, การปิดสถาบันการเงิน, การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นวิกฤตด้านเศรษฐกิจที่สร้างความเสียหายและกระทบไปถึงประชาชนทั้งประเทศ  ภาพบนเวที : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล, ไพโรจน์ เพชรคง, นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ,โสภณ สุภาพงษ์ ,กิตติ สิงหาปัด   วิกฤตนี้เป็นผลพวงจากการเดินบนเส้นทางของเศรษฐกิจฟองสบู่ แล้วเมื่อเกิดวิกฤตก็ยังมีการเรียกร้องให้เดินบนเส้นทางเดิมที่ทำให้เศรษฐกิจฟองสบู่กลับมา ทำให้ปัญหาหมุนวนไปที่เดิมและอาจจะเลวร้ายกว่าเดิม หรืออาจจะสร้างหายนะมากกว่าการสูญเสียรายได้ที่เป็นเงิน  การเคลื่อนไหวของประชาคม กอบบ้าน กู้เมือง จึงเป็นการร่วมกันของคนหลากหลายกลุ่ม หลากหลายอาชีพ ที่มีภูมิปัญญาการแก้ปัญหา มีประสบการณ์ที่สร้างความเข้มแข็งให้กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน เอาตัวรอดได้แบบที่ไม่พังครืนลงมา มีความเข้มแข็งพอที่จะก่อรูปกันเป็นขบวนการของประชาชนที่มีความคิดพึ่งตนเอง จึงต้องมีการรวมกันเป็นขบวนการของ “ประชาคม”  ภาพบนเวที : แก้วสรร อติโพธิ , รังสรรค์ ธนะพรพันธ์ , ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ ชัยวัฒน์ สถาอานันท์, เอกวิทย์

ประชาคม “กอบบ้าน กู้เมือง” สร้างองค์ความรู้และจิตสำนึกใหม่ของพลเมือง Read More »

ข่ายการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม (Civicnet)   การเชื่อมโยงของหน่ออ่อนประชาสังคม ในพัฒนาการปฏิรูปสังคมไทย

นับจากสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงพฤษภาทมิฬ 2535 ที่เป็นวิกฤตการณ์ทางด้านการเมืองและประชาธิปไตยที่เข้าสู่ทางตัน รวมไปถึงปัญหาด้านต่างๆ ที่ต้องหาทางไปต่อให้ได้ ทั้งปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สุขภาพ กฎหมายและความยุติธรรม ฯลฯ  ปัญหาที่ถาโถมในทุกด้านแสดงผลออกมาในช่วงระยะเวลาที่ต่างกันออกไปซึ่งมีทั้งด้านดีและไม่ดี กล่าวคือ ทางด้านเศรษฐกิจก็วิกฤติไปจนขั้นเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตก หรือที่เรียกว่า วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2540  และในอีกด้านก็มีกระแสการปฏิรูปการเมืองและประชาธิปไตย ที่นำไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับแรกและฉบับเดียวของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2540  ส่งผลถึงการปฏิรูปด้านต่างๆ มากมาย ทั้งด้านการศึกษา ระบบสุขภาพ สังคม การเมือง สื่อ กระบวนการยุติธรรม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ อีกทั้งในแต่ละด้านก็มีพัฒนาการในการปฏิรูปของตัวเองเรื่อยมา  แนวทางการพัฒนาในขณะนั้น เน้นให้ “คน” เป็นศูนย์กลางการพัฒนา และผลักดันในเรื่องของ “การมีส่วนร่วม” ของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามากำหนดอนาคตในแต่ละด้านของตนเอง ดังนั้น กระบวนการที่จะให้ความสำคัญกับคนทุกคนและสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก  แนวคิดเรื่อง  “ประชาสังคม” จึงถูกหยิบยกมากล่าวถึงทั้งในเชิงวิชาการและในงานพัฒนา ที่มีการปฏิบัติการของกลุ่มคนพลเมืองที่ตื่นตัวและเข้าไปจัดการกับประเด็นสาธารณะต่างๆ ในสังคม มีการริเริ่มกันเอง โดยไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่เกิดจากรัฐหรือทุน ด้วยความเข้าใจในแนวคิดแบบไม่ซับซ้อนว่าเป็นการ “ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมแก้ปัญหา” 

ข่ายการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคม (Civicnet)   การเชื่อมโยงของหน่ออ่อนประชาสังคม ในพัฒนาการปฏิรูปสังคมไทย Read More »

จากการเมืองเรื่องระบบกลไกรัฐ สู่การเริ่มต้นด้วยตัวเอง “ไม่มีการเสียใจที่ไม่ได้ทำ”

เส้นทางการใช้พลังความเป็นมนุษย์ของเราเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง บทสนทนาระหว่าง คุณสุภาพ สิริบรรสพ กับ อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์   เนื่องในวาระ 80 ปี ของอาจารย์ชัยวัฒน์  ถิระพันธุ์  สิ่งที่ลูกศิษย์อยากได้รับเป็นมรดกทางปัญญา การมีโอกาสได้เจอและสนทนากับอาจารย์ สิ่งที่อยากแลกเปลี่ยน ตั้งคำถามหรือการค้นหาคำตอบที่จะเป็นแนวทางหรือการสนับสนุนการใช้ชีวิตและการทำงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต      พี่หน่อง – สุภาพ สิริบรรสพ หนึ่งในลูกศิษย์ที่ขับเคลื่อนการทำงานภาคประชาสังคมในจังหวัดน่าน ได้ตั้งคำถามถึงแนวทางการทำงานเพื่อสังคมที่มีประสิทธิภาพท่ามกลางสถานการณ์ความปั่นป่วนของบ้านเมือง    อาจารย์ชัยวัฒน์ ได้ให้แนวทางให้กับมาใคร่ครวญทบทวน เริ่มต้นที่ “ตัวเอง” เชื่อมั่นในพลังของมนุษย์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงได้ในพื้นที่เล็กๆ จากครอบครัว ชุมชน และการร่วมมือกันทำของกลุ่มคนเล็กๆ การเป็นผู้นำที่มีธรรมะและเป็นการนำร่วม ต้องเข้าใจและเรียนรู้จากระบบนิเวศน์ ระบบที่มีชีวิต เพราะการทำงานที่ใช้ระบบกลไก ระบบแบบราชการ ที่ทำไปตามตัวชี้วัด ไม่สามารถแก้ปัญหา หรือจัดการสังคมที่ซับซ้อนได้ การสนทนาระหว่าง อาจารย์ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ กับ พี่หน่อง-สุภาพ สิริบรรสพ เริ่มต้นจากการสะท้อนภาพของสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ทั้งที่เป็นภาพใหญ่ที่มีทั้งวิกฤติการเมือง วิกฤติทางสังคมและสุขภาพ และการบอกเล่าเรื่องราวในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมไปถึงการทำงานของภาคประชาสังคมในพื้นที่ ความเป็นห่วงหรือความกังวลของคนทำงานในพื้นที่

จากการเมืองเรื่องระบบกลไกรัฐ สู่การเริ่มต้นด้วยตัวเอง “ไม่มีการเสียใจที่ไม่ได้ทำ” Read More »

บางกอกฟอรั่ม

“บางกอกฟอรั่ม” ก่อตัวขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ มีเป้าหมาย ร่วมกันผลักดันให้มีการแก้ไขปัญหาเมืองที่นับวันทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยเปิดเป็นเวทีทางความคิด ระดมสมองเพื่อกระตุ้นให้คนกรุงเทพฯ หรือผู้ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากขึ้น พร้อมไปกับการผลักดันภาครัฐ โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่นเช่นกรุงเทพมหานคร ให้ยอมรับบทบาทของปัจเจกชนและชุมชนในการกำหนดนโยบายสาธารณะต่างๆ

บางกอกฟอรั่ม Read More »

พระพุทธทาส

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ : สืบทอดปณิธานท่านพุทธทาส(จบ)

คัดจาก www.matichon.co.th. / บทความพิเศษ โดย ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ พระพุทธทาส กับ ทฤษฎีไร้ระเบียบ (ตอนจบ) เมื่อเราได้เดินทางสืบค้นภูมิปัญญาของท่าน ” พระพุทธทาส ” มาจนถึงบทนี้ เราจะพบว่า ท่าน พุทธทาส มี “อินทรีย์พิเศษ” ที่ทำให้ท่านมองได้อย่างแหลมคมและลึกซึ้งกว่าคนธรรมดาหลายสิบปี เนื่องจากท่านเดินบนเส้นทาง “พุทธมรรควิถี” อย่างแท้จริง ทำให้ท่านไม่จำเป็นจะต้องยึดมั่นถือมั่นดังที่ท่านได้บรรยายในหัวข้อ “หลุดพ้นเสียจากความหลุดพ้น” เมื่อท่านไม่ยึดติดกับเปลือกท่านจึงพลิกแพลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในการที่จะสื่อสารให้คนธรรมดาสามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ตื่น ผู้รู้ และผู้เบิกบานได้ ท่านจึงสามารถนำความรู้ทางวิทยาศาตร์ นำเรื่องจิตวิเคราะห์ของซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) หรืออัลเฟรด อาดเลอร์ (Alfred Adler) มา ทดลองใช้ในการสอนธรรมะได้ ท่าน พระพุทธทาส ยังคงให้ความสนใจเรื่องศิลปะและใช้งานศิลป์เป็นเครื่องมือในการแสดงธรรม ดังตัวอย่างที่ท่านได้บรรยายในหัวข้อ “ศิลปะสำหรับการมีชีวิตอยู่ในโลก” และได้สร้างโรงมหรสพทางวิญญาณขึ้นดังข้อความบางตอนที่ท่านได้เขียนจดหมายถึงสหายธรรมทาน “…อนึ่ง ขอวิงวอนผู้สนใจในการประกาศธรรมจงได้ร่วมมือกันสร้าง “โรงหนัง” แบบนี้ในลักษณะ ที่เหมาะแก่ท้องถิ่นของตัวกันขึ้นให้ทั่วหัวระแหงด้วยเถิด จะเป็น moral rearmament

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ : สืบทอดปณิธานท่านพุทธทาส(จบ) Read More »

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 5 : พุทธทาสกับโลกที่กำลังจะเลี้ยวกลับ

พุทธทาสกับโลกที่กำลังจะเลี้ยวกลับ   เมื่อไม่นานมานี้ มีนักเขียนหนุ่มชาวอินเดีย ชื่อ ซาอิด ฮัสซัน (Zaid Hassan) ได้เขียนบทความชิ้นหนึ่ง ชื่อ “อักษรยู : ภาษาแห่งการฟื้นฟูพลัง” (The U : Language of Regeneration)  เขาพูดถึงความจำเป็นที่มนุษย์ในปัจจุบันต้องสนใจฝึกฝนตนเองให้มีวิธีมอง “แบบใหม่” เพื่อทำให้มีสายตาที่แหลมคม (insight) “วิธีมองแบบใหม่” นี้เป็นสิ่งที่ผู้รู้หรือนักปราชญ์ในอดีตสามารถทำได้เป็นกิจวัตร  ซาอิดบรรยายถึงความสำคัญในการใช้ทักษะนี้พินิจพิจารณาโลก เพราะโลกวันนี้มันเปลี่ยนแปลงพลิกผันเร็วจี๋อย่างไม่มีใครคาดเดาได้ เปรียบเสมือนว่าเรากำลังเผชิญสัตว์ร้ายที่คาดเดาอารมณ์มันไม่ถูก เมื่อเราเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตัวนี้ เราก็ต้องรับมือกับมันให้ได้ อุปมาอุปไมยที่ซาอิดยกขึ้นมาใน พ.ศ. 2548 นั้น ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวเอาไว้เมื่อหลายสิบปีมาแล้วว่า เราต้องระวัง “เขี้ยวของโลก” อย่าให้เขี้ยวของโลกมาขบกัดเราได้ เราต้องทำตัวเสมือนลิ้นงูที่อยู่ได้ในปากงูโดยไม่ถูกเขี้ยวงูทำร้าย ชีวิตประจำวันของเราคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพฯหรือหมู่บ้านไกลปืนเที่ยงล้วนมีโอกาสถูก “เขี้ยว” ของโลกขบกัดได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันตรายฉับพลันจากธรรมชาติ จากอาชญากรรม จากโรคระบาด จากอุบัติภัย ทุพภิกขภัย และภัยจากโรคระบาด หรือโอกาสของการพลิกผันของสถานการณ์ธุรกิจและการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา  ในระยะสิบปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการล้มระเนนระนาดของเผด็จการในประเทศต่างๆ เช่น ในอดีตประเทศที่เคยอยู่กับสหภาพโซเวียตมาก่อน  

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 5 : พุทธทาสกับโลกที่กำลังจะเลี้ยวกลับ Read More »

พระพุทธทาส

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 4 : “พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ

จากการได้ติดตามอ่านสิ่งที่ท่านพุทธทาสได้กล่าวเตือนเรื่องโลกที่กำลังอันตรายจากการโยกโคลงและหมุนเร็วจี๋เกินขอบเขต ทำให้ผมอดถามตนเองไม่ได้ว่าท่านพุทธทาสสามารถมองเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เร็วกว่านักวิชาการตะวันตกถึง 30-40 ปีได้อย่างไร ? ท่านใช้หลักอะไร และวิธีการอะไร ในการมองทะลุ (insight) ทั้งๆ ที่สมัยนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต และโทรศัพท์มือถือ คำว่าโลกาภิวัตน์ยังไม่ได้บัญญัติ แต่ท่านบอกว่าโลกกำลังอยู่ใน turmoil ท่านก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่าอันตรายใหญ่หลวงน่ากลัวต่อมนุษยชาติได้เกิดขึ้นแล้ว ท่านเตือนเรื่องการอยู่อย่างเท่าทันโลก ไม่ให้ถูก “เขี้ยวของโลก” ขบกัดได้ เสมือนลิ้นงูที่อยู่ในปากงูแต่ไม่ถูกเขี้ยวงูขบกัด ถ้าจะเปรียบกับทฤษฎีไร้ระเบียบ ท่านพุทธทาสมีความเข้าใจลึกซึ้งต่อระบบที่ห่างไกลจากจุดสมดุล (system far from equilibrium) ท่านรู้กฎของวิทยาศาสตร์แห่งความอนิจจัง (science of becoming) เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อท่านจับการเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไขเบื้องต้น (initial condition) และเห็นการเชื่อมโยงป้อนกลับของปัจจัยต่างๆ ที่กระทำต่อกันและกัน ท่านจึงรู้เรื่อง “ผลกระทบผีเสื้อ” (butterfly effect) ที่เหตุเล็กๆ สามารถสร้างผลสะเทือนใหญ่ได้ พูดง่ายๆ ท่านเข้าใจแก่นแท้ของศาสตร์แห่งความไร้ระเบียบอย่างดียิ่ง โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องพูดตัวทฤษฎี ปริศนาที่ผมถามตัวผมเอง และพยายามค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ผมพอสรุปเป็นข้อมูลสมมติฐานว่าอัจฉริยภาพของท่านพุทธทาสในการเข้าใจแก่นของทฤษฎีไร้ระเบียบน่าจะมาจากการที่หลักการการคิดและวิธีการแสวงหาปัญญา ดังนี้ ข้อที่หนึ่ง ว่าด้วยหลักอิทัปปจยตา อันเป็นกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นเรื่องการพึ่งพิงอิงกันของปัจจัยต่างๆ ที่เชื่อมโยงกระทบถึงกันและกันหมด

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 4 : “พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ Read More »

พระพุทธทาส

” พระพุทธทาส ” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 3 : โลกไร้ระเบียบในทรรศนะของท่านพุทธทาสพุทธทาส

ในหนังสือชื่อ “บันทึกนึกได้เอง” ที่ นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ได้จัดพิมพ์ขึ้นด้วยการถ่ายสำเนาลายมือท่าน พระพุทธทาส ที่บันทึกไว้ในหนังสือไดอะรี่ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2495 ท่านได้เขียนว่า “ครั้นบัดนี้โลกโคลง เร่าร้อนอย่างยิ่ง จนเราต้องเตรียมใจกันใหม่เพื่อรับหน้า” ต่อมาวันที่ 16 เมษายน ท่านได้ตั้งคำถามว่า “โลกต้องการอะไรบ้าง เพื่อลดความเร่าร้อนรุนแรงให้เย็นลง” ซึ่งท่านได้วงเล็บภาษาอังกฤษกำกับไว้ด้วย to cool the present turmoil ในปีเดียวกันอีกนั่นเอง ท่านบันทึกไว้ในสมุดที่เป็นหน้าของวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2495 ท่านเขียนตัวโตไว้กลางกระดาษเพื่อย้ำความสำคัญเป็นอักษรพาดหัวใหญ่ว่า “โลกหมุนเร็วขึ้นทุกที ?” แล้วเสริมรายละเอียดข้อสังเกตด้วยลายมือของท่านเองดังนี้ “นักวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะทาง physics ย่อมไม่เชื่อและเห็นด้วย แต่สำหรับนักธุรกิจ นักรัฐศาสตร์ หรือนักการเมือง และอื่นๆ อีกเป็นอันมากย่อมมองเห็นชัด และเชื่อว่าโลกหมุน “จี๋” ยิ่งขึ้นทุกที และจะหมุนเร็วขึ้นอีกจนละลายไป เพราะการหมุนเร็วเกินขอบขีดนั้นก็ได้” นี่เป็นข้อห่วงใยที่ท่านพุทธทาสมีต่อโลกและมนุษยชาติ สิ่งที่ท่านได้เขียนเอาไว้และกล่าวไว้ในหลายๆ ที่ในเวลาต่อมา ไม่ได้ต่างไปจากช่วงเวลานั้นเลย

” พระพุทธทาส ” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 3 : โลกไร้ระเบียบในทรรศนะของท่านพุทธทาสพุทธทาส Read More »

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 2. : ว่าด้วยหลักคิดของทฤษฎีไร้ระเบียบในมุมของวิทยาศาสตร์

คัดจาก www.matichon.co.th. : บทความพิเศษ โดย ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ “ความไร้ระเบียบ” ในความหมายทางวิทยาศาสตร์ คือ สภาพและกระบวนการของระบบที่ไร้เสถียรภาพ (unstable) อันมีความอ่อนไหวสูงยิ่งและเปราะบาง เมื่อมีการกระทบเพียงเล็กน้อยในสาเหตุเบื้องต้น (initial condition) แต่เมื่อเกิดบ่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุเล็กๆ เพียงเบื้องต้นทำให้เกิดพัฒนาของระบบที่ดำเนินไปอย่างไม่เป็นเส้นตรง เป็นเส้นทางคดเคี้ยว กวัดแกว่ง บางครั้งถึงก้าวกระโดดฉับพลัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงทำนายให้ถูกต้องแม่นยำได้ยาก   ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งตรงกันข้ามกับแนวคิดหลักที่เชื่อถือกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ว่า สรรพสิ่งทั้งหลายอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่สามารถคำนวณได้อย่างถูกต้องไม่ผิดพลาด ขอให้รู้สมมติฐานอันเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นให้ชัดเจน จริงๆ จะสามารถทำนายผลลัพธ์ออกมาได้อย่างแม่นยำ   ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมนั้นเราสามารถศึกษาได้จาก Edward Lorenz แห่งสถาบัน MIT  ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมนั้นเราสามารถศึกษาได้จาก Edward Lorenz แห่งสถาบัน MIT เมื่อกลางทศวรรษที่ 60  อาจารย์ด้านอุตุนิยมวิทยา (meteoro logy) ผู้นี้พยายามสร้างโมเดลการคำนวณในการพยากรณ์อากาศโดยใช้สมการง่ายๆ แสดงการ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับกระแสลม  เขาป้อนข้อมูลที่จุดทศนิยม 6 หลัก คือ 0.506127

“พุทธทาส” กับทฤษฎีไร้ระเบียบ 2. : ว่าด้วยหลักคิดของทฤษฎีไร้ระเบียบในมุมของวิทยาศาสตร์ Read More »